วิ่งกับ…บุรีรัมย์มาราธอนได้อะไรกว่าที่คิด

วิ่งกับ…บุรีรัมย์มาราธอนได้อะไรกว่าที่คิด
สัมผัสวิถีเซราะกราวสุดฟิน !

ถึงแม้ว่าบุรีรัมย์ มาราธอน จะจัดการแข่งขันมา 3 ปีแล้ว และเส้นทางการวิ่งเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย แต่เพื่อการยกระดับให้เป็นมาราธอนที่มัดใจนักวิ่งให้ได้นานที่สุด จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางและเพิ่มกลิ่นอายต่างๆ ให้น่าสนใจอยู่เสมอ

ยิ่งปีนี้เป็นปีแรกที่บุรีรัมย์ มาราธอน ได้การรับรองให้เป็น Thailand’s First Bronze Label in FULL MARATHON จึงต้องเพิ่มความน่าสนใจกันมากขึ้น

จุดสตาร์ทและเส้นชัย

เริ่มปล่อยตัวจากสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก่อนออกสู่ภายนอกสนาม เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 กลับตัวจุดแรกที่แยกภัทรบพิตร และเข้าสู่ถนนในชุมชนบ้านปรุบุมะค่า เพื่อสัมผัสธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ท้องนา วิถีชีวิตยามเช้าของชาวบุรีรัมย์ วิ่งต่อไปสู่ถนนเลียบอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ก่อนกลับตัวจุดที่สองบนสันเขื่อน

จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงแผ่นดิน 2445 เข้าสู่ตัวเมืองบุรีรัมย์ วิ่งผ่านไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ชุมชน บ้านเรือน สถานที่สำคัญต่างๆ วิ่งมาจนผ่านแยกภัทรบพิตรจนถึงพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 แล้ววิ่งชมบรรยากาศเมืองบุรีรัมย์ พบกับกองเชียร์กลุ่มใหญ่ ที่คอยให้กำลังใจตลอดทาง ผ่านศาลหลักเมือง รวมถึงวัดอารามหลวง ก่อนกลับสู่เส้นชัย โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน 2445 และเข้าสู่เส้นชัย ที่ช้าง อารีนา รวมระยะทาง 42.195 กิโลเมตร

ถือเป็นครั้งแรกที่นักวิ่งจะได้สัมผัสสนามฟุตบอลและสนามมอเตอร์สปอร์ตในบุรีรัมย์ มาราธอน เมื่อวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วสามารถนำอาหารและเครื่องดื่มไปอิ่มหนำฟื้นฟูสภาพร่างกายบนอัฒจันทร์ของช้าง อารีนา ได้ด้วย

**แลนด์มาร์กสำคัญตลอดเส้นทาง**

ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

สนามแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ได้มาตรฐานระดับโลก รองรับการแข่งขันรายการใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย โดยเฉพาะศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ที่แข่งขันมาแล้ว 2 ครั้งในสนามแห่งนี้ ซึ่งไม่ค่อยจะมีมาราธอนรายการไหนที่จะเปิดโอกาสให้นักวิ่งได้ประทับรอยเท้าลงบนสนามแข่งรถระดับโลก แต่บุรีรัมย์ มาราธอน ยื่นความน่าประทับใจให้คุณเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
อ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เป็นทะเลสาบน้ำจืด สร้างขึ้นเพื่อการชลประทานและการประปา บริเวณนี้มีนกมาอาศัยอยู่จำนวนมาก ทั้งนกอพยพและนกประจำถิ่น รวมกว่า 170 ชนิด นับเป็นแลนด์มาร์กสุดชิลล์ของชาวบุรีรัมย์ที่ได้รับความนิยมมากทีเดียว ขณะที่วิ่งผ่านนอกจากบรรยากาศสวยๆ ลมเย็นๆ ริมทางยังมีนกให้มองเพลินๆ กันด้วย

ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย
เป็นบริเวณเดียวกับอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จุดนี้มีความน่าสนใจตรงที่เป็นสถานที่ตั้งของโครงการเพาะพันธุ์นกกระเรียน ที่เปิดมาได้กว่า 1 ปี และประสบความสำเร็จอย่างมากในการอนุรักษ์และแพร่พันธุ์นกกระเรียนใน จ.บุรีรัมย์ ปัจจุบันพบมีลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย เกิดในธรรมชาติมากกว่า 10 ตัว หลังเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติกว่า 50 ปี

เขากระโดง
เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบุรีรัมย์ รวมทั้งยังสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของพื้นที่นี้ได้อีกด้วย เพราะยังมีร่องรอยของปากปล่องภูเขาไฟให้เห็น นอกจากเขากระโดงแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และมีพระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์ ประดิษฐานอยู่ด้วย

พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สร้างในปี พ.ศ. 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก พระบรมราชานุสาวรีย์มีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง เป็นศูนย์รวมจิตใจที่แสดงออกถึงความยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และมหาจักรีบรมราชวงศ์

วัดกลางพระอารามหลวง
วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์มาตั้งแต่อดีต มีสระน้ำโบราณอายุ 3,000 ปี เป็นร่องรอยอารยะธรรมขอม มาสร้างเป็นวัดในสมัยอยุธยา ทางราชการได้มีประกาศยกวัดกลางบุรีรัมย์เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของบุรีรัมย์เมื่อปี พ.ศ.2533

ช้าง อารีนา
สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ฟุตบอลในประเทศมากมาย ความจุของสนามเต็มพิกัดที่ 32,600 ที่นั่ง ไม่ใช่แค่แข่งขันฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเคยใช้ในการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ วันสงกรานต์กันมาหลายปีแล้ว

นอกเหนือจากแลนดมาร์กต่างๆ ที่เอ่ยมาแล้ว ตลอดเส้นทางของบุรีรัมย์ มาราธอน ยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้นักวิ่งได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศบ้านเมือง รอยยิ้มจากคนท้องถิ่น การผสมผสานระหว่างร่องรอยอารยธรรมและความทันสมัยที่ลงตัว ซึ่งจะช่วยให้ลืมเหนื่อยได้บ้างไม่มากก็น้อย

แล้วมาเจอกันที่บุรีรัมย์ วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563

“แรงบันดาลใจ” สิ่งสำคัญของทั้งนักวิ่งและกองเชียร์

“แรงบันดาลใจ” สิ่งสำคัญของทั้งนักวิ่งและกองเชียร์
ในการวิ่งระยะไกล นอกจากร่างกายที่พร้อม รองเท้าที่ดี การจัดการที่ยอดเยี่ยมแล้ว อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ กำลังใจไม่ว่าจากสองข้างทางหรือแรงบันดาลใจในสนาม

มีทฤษฎีการวิ่งที่น่าสนใจว่า ถ้าเราให้กำลังใจคนอื่น จะช่วยให้เราเป็นนักวิ่งที่ดีกว่าเดิมได้

ในช่วงที่กำลังวิ่งอยู่ ถ้ามีกองเชียร์คอยโบกไม้โบกมือให้ ลองยกมือโบกกลับทักทาย หรือแปะมือกับผู้คนข้างทาง จะสร้างกำลังใจที่ดีให้กับตัวนักวิ่งเอง ผลพลอยได้อีกอย่างอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมในวันนั้น กลายมาเป็นนักวิ่งในอนาคตได้

นักจิตวิทยาอธิบายไว้ว่า การที่เราเห็นใครคนหนึ่งทำอะไรที่ยากๆ ได้ แล้วมีความเชื่อมั่นว่าเราเองก็สามารถทำมันได้ เรียกว่า “การรับรู้ความสามารถของตัวเองจากสังเกตุประสบการณ์ของคนอื่น” (self-efficacy by vicarious experiences)

ดร.ซินดร้า คัมฟอฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยากีฬา ของมหาวิทยาลัยมินเนโซตา เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี ที่ใช้ความสำเร็จของคนอื่นมาสร้างพลังให้กับตัวเอง

ดร.คัมฟอฟฟ์เป็นนักวิ่งอยู่แล้ว วันหนึ่งเธอได้ดูการแข่งขันคัดเลือกตัวนักวิ่งมาราธอนทีมชาติสหรัฐอเมริกา ถึงแม้รู้ดีว่าตัวเองคงไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้น

“ฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักวิ่งในโอลิมปิก แต่ความเร็วในการวิ่งของฉันก็เท่าๆ กับนักวิ่งแถวหลังในวันนั้น ฉันก็เลยจินตนาการไปว่า ฉันกำลังวิ่งอยู่ตรงนั้น มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ ทีเดียว”

ถึงวันนั้น ดร.คัมฟอฟฟ์จะไม่ได้ลงแข่งขันเอง แต่แรงบันดาลใจที่ได้เห็นการคับเขี้ยวกันของนักวิ่งที่มีฝันจะเป็นตัวแทนของประเทศ ทำให้เธอพัฒนาตัวเองไปคว้าแชมป์โอฮามา มาราธอน ในปี 2012 มันเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า ผู้ชมก็สามารถกลายมาเป็นแชมป์มาราธอนได้ ถ้าเอาความสำเร็จของคนอื่นมาช่วยผลักดันตัวเองอย่างจริงจัง

ประโยชน์ของการเป็นกองเชียร์ต่อการวิ่งในอนาคตมีหลายอย่าง

1.ทำให้เครียดน้อยลง
แพทย์ด้านเวชศาสตร์กายจิตได้ผลการวิจัยว่า การให้กำลังใจคนอื่นอยู่เสมอจะส่งผลให้คนๆ นั้นมีความเครียดน้อยกว่าคนที่ได้รับกำลังใจเสียอีก ส่วน The Journal of Strength and Conditioning Research ได้ผลการวิจัยว่า ความเครียดจะส่งผลต่อศักยภาพของนักกีฬาโดยตรง มีตัวอย่างนักเรียนที่นักกีฬา จะมีโอกาสได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเป็นเท่าตัว ถ้าช่วงซ้อมหรือแข่งตรงกับช่วงที่เรียนหนัก

2.ได้เห็นนักวิ่งทุกประเภท
กองเชียร์จะได้เห็นนักวิ่งในทุกรูปแบบ ทั้งนักวิ่งล่ารางวัล นักวิ่งแนวหน้า ซึ่งนักวิ่งในสนามไม่มีทางที่จะได้เห็นแบบนั้น เพราะแนวหน้าจะไม่คิดถึงอะไร นอกจากชัยชนะ ส่วนแถวหลังก็ไม่ได้เห็นว่าแนวหน้าวิ่งกันอย่างไร
ดร.คัมฟอฟฟ์บอกว่า กองเชียร์จะสามารถบอกตัวเองได้ว่าอยากวิ่งแบบไหน เหมือนใคร แล้วเอาแรงบันดาลใจเหล่านั้นไปพัฒนาตัวเองได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

3.เตรียมตัวได้ดีกว่าที่เคย
หลังจากที่ได้เห็นคนอื่นวิ่งมาแล้ว ประสบการณ์ที่พบเจอมาจากการให้กำลังใจคนอื่นอยู่ข้างสนาม จะช่วยให้นักวิ่งที่เป็นกองเชียร์มาก่อน สามารถรับมือกับเส้นทางนั้นๆ ได้ดีขึ้น
ดร.คัมฟอฟฟ์ยกตัวอย่างว่า ในงานวิ่งบอสตัน มาราธอน มีช่วงที่ต้องวิ่งขึ้นเนิน “ฮาร์ทเบรกฮิลล์” อันเลื่องชื่อ นับเป็นอุปสรรคที่หลายคนต้องหมดแรงไปกับเส้นทางนี้เยอะมาก กองเชียร์ตรงฮาร์ทเบรกฮิลล์ ได้เห็นนักวิ่งล่าแชมป์ นักวิ่งคนพิการบนวีลแชร์ หรือนักวิ่งเพซระดับเดียวกันกับตัวเอง ในการไต่ความชันขึ้นไป เมื่อถึงเวลาที่กองเชียร์มาวิ่งในอนาคต เขาจะรู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรในการมาเจอกับเส้นทางตรงนี้

นี่คืออีกความมหัศจรรย์ของการวิ่งอย่างแท้จริง

#BuriramMarathonThailandFirstBronzeLabel #BuriramBronzeLabel
#BuriramMarathon2020 #YourUltimateDestination #Marathon #Marathon2020 #Buriram #Run #Sport #RunProgram #BRIC #ChangInternationalCircuit #BuriramMarathon #BRM #BRM2020